บทที่ 4

อาร์เธอร์ลนลานขึ้นมาทันที “ไม่ พี่ไม่หย่า”

ชายผู้ที่สามารถเจรจาธุรกิจมูลค่าหลายพันล้านได้โดยไม่กะพริบตา ในที่สุดก็เสียอาการ

การเลี้ยงดูสั่งสอนให้เขาเก็บงำอารมณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่

ครั้งแรกคือตอนที่เขาขอโคลอี้แต่งงานและเธอตอบตกลง

ตอนนั้นอาร์เธอร์ดีใจสุดขีด รู้สึกราวกับถูกดาวตกพุ่งเข้าใส่

หากวันนั้นคือช่วงเวลาที่มีความสุขและเปี่ยมล้นที่สุดในชีวิตเขา ตอนนี้ก็คงเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดและสิ้นหวังที่สุดเช่นกัน

“โคลอี้ ฟังพี่ก่อน พี่ไม่ได้นอกใจเธอเลยนะ หลายปีมานี้เราผ่านอะไรด้วยกันมามากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เธอจะทิ้งมันไปลงคอเหรอ”

ในที่สุดอาร์เธอร์ก็คว้ามือของโคลอี้ไว้ได้สำเร็จ

อกของเขาเจ็บหนึบ

แต่โคลอี้เล่าจะไม่เจ็บปวดเหมือนกันหรือ

ใบหน้าของเธอขาวซีดราวกับกระดาษขณะมองชายที่เธอรักมานานหลายปี

พวกเขารู้จักกันมาตั้งแต่หัดพูด!

คนสองคนที่ถูกสังคมกีดกัน ต่างพบเจอความอบอุ่นในกันและกัน ประคับประคองกันฝ่าฟันชีวิตมานานหลายปี

แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เธอก็ไม่เคยลืมทุกประสบการณ์ที่ผ่านมาด้วยกัน—ความรักและความสุขที่เคยแบ่งปัน

ยิ่งความทรงจำเหล่านั้นชัดเจนและหอมหวานมากเท่าไหร่ การทรยศครั้งนี้ก็ยิ่งน่าหัวเราะเยาะมากขึ้นเท่านั้น

“อาร์เธอร์ คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันรู้สึกยังไง เหมือนตัวตลก”

“ความสุขทั้งหมดที่ฉันเคยป่าวประกาศให้ใครๆ ฟัง มันเหมือนการตบหน้าฉันแรงๆ”

โคลอี้พูดเน้นทีละคำขณะค่อยๆ ดึงมือออกอย่างหนักแน่น เมื่อเห็นสีหน้าสิ้นหวังของเขา เธอก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

อาร์เธอร์มองฝ่ามือที่ว่างเปล่าของตัวเอง พลันรู้สึกถึงความว่างเปล่าในอกเช่นกัน

“ไม่นะ โคลอี้ เธออยากได้อะไรพี่ให้ได้ทุกอย่าง ขอแค่อย่าทิ้งพี่ไป”

“ฉันให้โอกาสคุณแล้ว ตอนที่ขอให้คุณเลือก”

“อาร์เธอร์ เราโตๆ กันแล้ว อยู่กับความจริงเถอะ”

โคลอี้สูดหายใจเข้าลึกๆ หันหลังกลับ แล้วปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลจากหางตา

“พรุ่งนี้เราจะไปจดทะเบียนหย่า ฉันหวังว่าเราจะจบชีวิตแต่งงานกันอย่างผู้ใหญ่ แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย ฉันก็ไม่ขัดข้อง”

พูดจบ โคลอี้ก็คว้ากระเป๋าถือจากโซฟาแล้วเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองอาร์เธอร์

“โคลอี้ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

อาร์เธอร์ก้าวยาวๆ ตามเธอไป

ด้วยความแตกต่างของช่วงก้าวโดยธรรมชาติทำให้อาร์เธอร์ตามทันอย่างรวดเร็ว

โคลอี้เร่งฝีเท้า พยายามจะสลัดเขาให้หลุด

ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดจังหวะ

ชายหนุ่มดูเหมือนจะหยุดการไล่ตาม

โคลอี้ไม่เคยได้ยินอาร์เธอร์ใช้เสียงเรียกเข้านี้มาก่อน บางอย่างทำให้เธอชะลอฝีเท้าลง อยากรู้อยากเห็นว่าเขาจะพูดอะไร

“ว่าไงนะ? เด็กเป็นอะไรไป? ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”

ประโยคเดียวสั้นๆ นั้นส่งหัวใจของโคลอี้ให้ดิ่งลงสู่ห้วงเหวอันหนาวเหน็บ

เสียงเรียกเข้าพิเศษนั่นคงตั้งไว้สำหรับเอเวอรี่โดยเฉพาะ และที่เขาหยุดไล่ตามเธอก็เพราะลูกของเอเวอรี่เป็นอะไรไป

โคลอี้หัวเราะเยาะตัวเองอย่างขมขื่น

เธอไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่อาร์เธอร์มีให้ แต่ในใจของเขา ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าบริษัท

เมื่อลูกของเอเวอรี่มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการสืบทอดตำแหน่งของวิลเลียมส์กรุ๊ป เขาก็ย่อมต้องให้ความสำคัญกับทั้งเอเวอรี่และเด็กคนนั้นเทียบเท่ากับตำแหน่งทายาท

เธอเหนื่อยหน่ายเต็มทีแล้วกับการแข่งขันกับเอเวอรี่ที่ถูกบีบบังคับมานานหลายปี สิ่งที่เธอต้องการก็แค่บ้านที่มีใครสักคนซึ่งมีแค่เธอคนเดียวในสายตา

เมื่อความรักปนเปื้อนด้วยจุดประสงค์อื่น มันก็เหมือนลูกอมที่เน่าเสีย—มีแต่จะทำให้รู้สึกคลื่นไส้

เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็ส่งข้อความหาเพื่อนสนิท อะเดลีน เทย์เลอร์

[อะเดลีน พอจะรู้จักที่พักให้เช่าบ้างไหม]

อาร์เธอร์วางสายพลางมองเงาร่างของโคลอี้ที่หายลับไปตามโถงทางเดิน คิ้วของเขาขมวดมุ่น

“เจคอบ ไวท์”

ผู้ช่วยที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก้าวออกมา “ผมจะไปหยุดคุณนายวิลเลียมส์เดี๋ยวนี้...”

“ไม่ต้อง ไปที่เมืองซิลเวอร์วูด แล้วเอาเครื่องประดับชุดที่ฉันแยกไว้ไปให้โคลอี้”

"แต่ชุดนั้นเดิมทีจะต้องส่งให้คุณสกอตต์ก่อนนี่ครับ"

เครื่องประดับจากเมืองซิลเวอร์วูดด้อยกว่าชิ้นที่อาร์เธอร์ซื้อมาจากต่างประเทศมากนัก แม้จะเป็นแบรนด์ดีไซเนอร์ทั้งหมด แต่ก็ขาดการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และความหายากเหมือนชิ้นที่เขาประมูลมาได้

“เดี๋ยวฉันจะไปดูเรื่องลูกเอง คุณเอาของพวกนี้ไปให้โคลอี้ก่อน”

พูดจบอาร์เธอร์ก็เดินไปที่ลิฟต์

แสงไฟสีขาวนวลเย็นเยียบขับเน้นใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขา

เดี๋ยวโคลอี้ก็คงเข้าใจในที่สุด ทุกสิ่งที่เขาทำก็เพื่ออนาคตของพวกเขาทั้งสองคน

หากปราศจากสิทธิ์ในการรับมรดก ความยากลำบากทั้งหมดที่เขากับโคลอี้ฝ่าฟันกันมาหลายปีก็จะสูญเปล่า

ในขณะเดียวกัน โคลอี้ก็กลับมาถึงบ้านแล้ว

คนรับใช้เข้ามาเพื่อส่งรองเท้าแตะให้ แต่เธอกลับลืมรับมันไป ยืนเท้าเปล่าอยู่บนพื้นเย็นเฉียบ

อาจเป็นเพราะภาพลวงตา แต่พื้นผิวที่เย็นจัดกลับทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น

ห้องตรงหน้าเต็มไปด้วยความทรงจำที่พวกเขาสร้างขึ้นมาร่วมกัน ทุกที่ที่สายตาของเธอทอดไปล้วนย้ำเตือนถึงช่วงเวลาอ่อนโยนที่พวกเขาเคยมีให้กัน

แต่ความทรงจำอันแสนหวานเหล่านั้น บัดนี้กลับรู้สึกเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงหัวใจของเธอ

เธอเดินตรงไปยังห้องนอน

ปกติแล้วเธอไม่ใช่คนที่จะยึดติดกับอดีต แต่เพราะเป็นอาร์เธอร์ เธอจึงยอมทนมาตลอด

เมื่อนึกถึงความเชื่อมั่นที่ไม่เคยสั่นคลอนของตัวเองเมื่อไม่กี่วันก่อน โคลอี้ก็หัวเราะออกมาจนขอบตาแดงก่ำ

ความรักครั้งเก่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างง่ายดาย แต่เรากลับยังแปลกใจเมื่อมันเกิดขึ้น

ใจคนเรานี่ช่างเป็นสิ่งที่หยั่งถึงได้ยากที่สุดจริงๆ

ขณะที่คิดเช่นนั้น โคลอี้ก็ดึงกระเป๋าเดินทางออกมาแล้วจัดเสื้อผ้าสองสามชิ้นลงไปอย่างลวกๆ

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ใส่เสื้อผ้าราคาแพงและเครื่องประดับที่อาร์เธอร์ซื้อให้ลงไปด้วย การเริ่มต้นชีวิตใหม่ต้องใช้เงิน และเธอจะไม่ยอมให้ทิฐิมานะมาลดมาตรฐานการใช้ชีวิตของตัวเองและลูก

ขณะที่เธอกำลังจะปิดกระเป๋าเดินทาง ก็ได้ยินเสียงประตูหน้าเปิดออก

หัวใจของโคลอี้บีบรัด

อาร์เธอร์กลับมาแล้วเหรอ

ถ้าเขากลับมา วันนี้เธอคงไม่ได้ไปไหนแน่

เธอรู้จักเขามาหลายปี ย่อมเข้าใจนิสัยของเขาดี แม้ภายนอกจะดูอ่อนโยน แต่เขากลับเป็นคนดื้อรั้นและชอบบงการ ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่เธอรีบชิงเสนอเรื่องหย่า

เธอทำใจให้เข้มแข็งแล้วเดินออกจากห้องนอน แต่กลับไม่เห็นอาร์เธอร์

คนที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าคือเจคอบ

เมื่อเห็นถุงในมือของเจคอบ เธอก็เข้าใจในทันที

“คุณนายวิลเลียมส์ครับ คุณวิลเลียมส์ให้ผมนำเครื่องประดับและของขวัญเหล่านี้มาส่งให้คุณครับ”

เจคอบถือถุงชอปปิงเจ็ดแปดใบ และยังมีอีกกว่าสิบใบวางเรียงอยู่บนพื้น แต่ละใบประทับตราโลโก้แบรนด์ดีไซเนอร์ขนาดใหญ่ หลายใบเป็นแบรนด์ที่เอเวอรี่ชอบเป็นพิเศษ

โคลอี้หัวเราะเยาะในใจ

“คุณนายวิลเลียมส์ครับ คุณวิลเลียมส์เพียงแค่คิดถึงเรื่องบริษัทและอนาคตของคุณสองคน ได้โปรดรับของพวกนี้ไว้และอย่าถือโทษโกรธท่านเลยนะครับ” เจคอบยื่นถุงแบรนด์เนมเหล่านั้นไปทางโคลอี้

โคลอี้ที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางมองเจคอบนิ่งนาน

“เจคอบ เรารู้จักกันมาแปดปีแล้วใช่ไหม”

เจคอบดูสับสนแต่ก็พยักหน้า "ผมรู้จักคุณตั้งแต่ตอนที่คุณวิลเลียมส์เข้ามาทำงานที่วิลเลียมส์กรุ๊ปใหม่ๆ ครับ"

ตอนนั้น อาร์เธอร์เป็นเพียงลูกนอกสมรสที่ถูกครอบครัวทอดทิ้ง ทางตระกูลจำใจมอบตำแหน่งกรรมการให้เขาเพียงเพื่อรักษาหน้าตา

“ตอนนั้นคุณเป็นนักออกแบบเครื่องประดับที่น่าประทับใจมาก และเหมาะสมกับคุณวิลเลียมส์อย่างยิ่งครับ”

“งั้นคุณก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ใช่คนที่ต้องคอยพึ่งพาใคร เมื่อฉันตัดสินใจอะไรไปแล้ว ฉันจะไม่กลับคำ” โคลอี้พูดตัดบท

“คุณนายวิลเลียมส์...”

“ไปบอกอาร์เธอร์ด้วยว่าเรื่องหย่า...ไม่มีการต่อรอง”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป